คัดมาเน้นๆ 5 แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดฮิต ปี 2025 เลือกอย่างไรให้ตรงใจ?
เริ่มต้นเว็บไซต์ในฝันด้วยแพลตฟอร์มที่ใช่ พบ 5 แพลตฟอร์มยอดนิยม พร้อมจุดเด่น จุดด้อย และเคล็ดลับการเลือกใช้งานที่เหมาะกับคุณในปี 2025
ในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการแสดงตัวตนและธุรกิจ การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งในด้านความต้องการและงบประมาณ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ เจ้าของร้านค้าออนไลน์ หรือผู้ที่ต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอส่วนตัว บทความนี้จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่างละเอียดเพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น
แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยม

WordPress
จุดเด่น:
- เป็นโอเพ่นซอร์สที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
- มีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้งานมากมาย
- รองรับ SEO และเหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ทุกประเภท
- ชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่ ช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนที่ดี
- รองรับหลายภาษาได้ด้วยปลั๊กอิน เช่น WPML
- มีฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น ปลั๊กอินความปลอดภัยและการสำรองข้อมูล
จุดด้อย:
- ต้องการการดูแลรักษา เช่น การอัปเดตปลั๊กอินและแก้ไขปัญหาบั๊ก
- หากใช้ปลั๊กอินมากเกินไป อาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้า
- ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับการเลือกโฮสติ้ง ปลั๊กอิน และธีม อาจมีตั้งแต่ฟรีจนถึงระดับพรีเมียม
Wix
จุดเด่น:
- ใช้งานง่ายด้วยระบบ Drag-and-Drop ไม่ต้องเขียนโค้ด
- มีเทมเพลตหลากหลายและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- มีฟีเจอร์ครบในตัว เช่น การตลาด การจัดการโดเมน และ SEO
- มีตัวเลือกสำหรับการสร้างเว็บไซต์หลายภาษา
- ความปลอดภัยสูง มีระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
จุดด้อย:
- ข้อจำกัดในการปรับแต่งโค้ดและโครงสร้างของเว็บไซต์
- การย้ายเว็บไซต์ไปยังแพลตฟอร์มอื่นทำได้ยาก
- ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง โดยเริ่มต้นที่ระดับฟรีจนถึงแผนพรีเมียมรายเดือน
Shopify
จุดเด่น:
- ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอีคอมเมิร์ซ มีฟีเจอร์การจัดการสินค้า การชำระเงิน และการขนส่งที่ครบวงจร
- รองรับ SEO สำหรับร้านค้าออนไลน์
- สามารถขายสินค้าได้หลายช่องทาง เช่น ผ่านโซเชียลมีเดียและมาร์เก็ตเพลส
- รองรับเว็บไซต์หลายภาษา
- ความปลอดภัยสูง มีการเข้ารหัส SSL และการป้องกันข้อมูลลูกค้า
จุดด้อย:
- มีค่าใช้จ่ายรายเดือน และปลั๊กอินบางตัวอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเริ่มต้นจากแผนพื้นฐานจนถึงแผนขั้นสูง
- การปรับแต่งโค้ดมีข้อจำกัด
- มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหากไม่ใช้ Shopify Payments
Progress Sitefinity
จุดเด่น:
- เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยฟีเจอร์ที่รองรับความต้องการเฉพาะ
- มีความปลอดภัยสูง และรองรับเว็บไซต์ที่ซับซ้อน
- รองรับการสร้างเว็บไซต์หลายภาษา
- รองรับ SEO ในระดับองค์กร ด้วยเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพ
จุดด้อย:
- ค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น โดยส่วนใหญ่เป็นการจ่ายในรูปแบบลิขสิทธิ์
- การเริ่มต้นใช้งานอาจซับซ้อนสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค
Squarespace
จุดเด่น:
- มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเทมเพลตที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม
- เหมาะสำหรับเว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอหรือธุรกิจขนาดเล็ก
- มีฟีเจอร์ในตัว เช่น อีคอมเมิร์ซ การเขียนบล็อก และเครื่องมือการตลาด
- รองรับ SEO เบื้องต้นและการสร้างเว็บไซต์หลายภาษา
- ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม ด้วยการสำรองข้อมูลและ SSL
จุดด้อย:
- มีข้อจำกัดในการปรับแต่งโค้ด
- ไม่เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่หรือโปรเจกต์ที่ต้องการฟังก์ชันขั้นสูง
- ค่าบริการรายเดือนสูงกว่าแพลตฟอร์มบางตัว โดยเริ่มต้นจากแผนพื้นฐานจนถึงแผนพรีเมียม
แนวทางในการเลือกใช้แพลตฟอร์ม
- วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์:
- หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ดี เช่น บล็อกหรือเว็บไซต์องค์กร WordPress อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- หากเป้าหมายหลักคืออีคอมเมิร์ซ Shopify คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
- ความง่ายในการใช้งาน:
- สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิค Wix และ Squarespace เป็นตัวเลือกที่ง่ายและสะดวกในการเริ่มต้น
- งบประมาณ:
- หากคุณมีงบประมาณจำกัด WordPress และ Wix มีแผนที่เริ่มต้นในระดับฟรี แต่ Shopify และ Progress Sitefinity อาจต้องใช้เงินลงทุนที่สูงขึ้น
- การรองรับ SEO:
- WordPress และ Shopify มีเครื่องมือที่รองรับ SEO อย่างเต็มที่
- การรองรับหลายภาษา:
- หากคุณต้องการเว็บไซต์ที่มีหลายภาษา WordPress และ Progress Sitefinity เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์
- ความปลอดภัย:
- Shopify และ Progress Sitefinity เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การขายสินค้าออนไลน์หรือเว็บไซต์องค์กร
ตารางเปรียบเทียบแต่ละแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์ม | จุดเด่น | จุดด้อย | ค่าใช้จ่าย | รองรับ SEO | รองรับหลายภาษา | ความปลอดภัย |
---|---|---|---|---|---|---|
WordPress | – ปรับแต่งได้อิสระ- มีปลั๊กอินและธีมหลากหลาย- ชุมชนขนาดใหญ่ | – ต้องดูแลรักษา- ใช้ปลั๊กอินมากอาจทำให้โหลดช้า | ขึ้นอยู่กับโฮสติ้ง, ปลั๊กอิน และธีม | ดีเยี่ยม | รองรับด้วยปลั๊กอิน WPML | ปลั๊กอินความปลอดภัยและการสำรองข้อมูล |
Wix | – Drag-and-Drop ใช้งานง่าย- เทมเพลตหลากหลาย- ฟีเจอร์ครบในตัว | – จำกัดการปรับแต่งโค้ด- ย้ายแพลตฟอร์มยาก | ฟรีถึงแผนพรีเมียมรายเดือน | พื้นฐาน | รองรับ | สำรองข้อมูลอัตโนมัติ |
Shopify | – เหมาะสำหรับอีคอมเมิร์ซ- ขายได้หลายช่องทาง- การชำระเงินครบวงจร | – ค่าใช้จ่ายสูง- จำกัดการปรับแต่งโค้ด- มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม | เริ่มต้นจากแผนพื้นฐานถึงขั้นสูง | ดีเยี่ยม | รองรับ | การเข้ารหัส SSL และป้องกันข้อมูล |
Progress Sitefinity | – เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่- ฟีเจอร์ขั้นสูง- รองรับเว็บไซต์ซับซ้อน | – ค่าใช้จ่ายสูง- การใช้งานซับซ้อนสำหรับมือใหม่ | ลิขสิทธิ์และค่าบริการสูง | ระดับองค์กร | รองรับ | ระบบความปลอดภัยระดับสูง |
Squarespace | – อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย- เทมเพลตสวยงาม- เหมาะสำหรับพอร์ตโฟลิโอ | – จำกัดการปรับแต่งโค้ด- ค่าบริการสูง | เริ่มต้นจากแผนพื้นฐานถึงพรีเมียม | พื้นฐาน | รองรับ | SSL และการสำรองข้อมูล |
สรุป
การเลือกแพลตฟอร์มขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของเว็บไซต์ของคุณ หากคุณต้องการความยืดหยุ่นและฟีเจอร์หลากหลาย WordPress อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากคุณต้องการระบบอีคอมเมิร์ซที่ครบวงจร Shopify คือคำตอบ ส่วน Wix และ Squarespace เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่ Progress Sitefinity เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยและฟีเจอร์เฉพาะทาง