จำนวนเว็บไซต์ 0
Share

จำนวนเว็บขยายตัวต่อเนื่องมากกว่า 1.1 พันล้านเว็บ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้งาน

อินเทอร์เน็ตได้ถักทอตัวเองเข้าสู่โครงสร้างชีวิตสมัยใหม่ของเรา โดยทำหน้าที่เป็นประตูที่ขาดไม่ได้สู่ข้อมูล การสื่อสาร และการค้าที่ไร้ขีดจำกัด หัวใจสำคัญของอินเทอร์เน็ตคือเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงกันของเว็บไซต์ที่โฮสต์อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ในขณะที่จำนวนเว็บไซต์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำความเข้าใจขนาดที่แท้จริงของภูมิทัศน์ดิจิทัลนี้และความถี่ที่เว็บไซต์เหล่านี้ได้รับการบำรุงรักษาอย่างแข็งขันจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การนับจำนวนประชากรของเว็บบนออนไลน์

จำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงขนาดและความกว้างขวางของอินเทอร์เน็ต จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2567 เวิลด์ไวด์เว็บคาดว่ามีเว็บไซต์มากกว่า 1.1 พันล้านเว็บไซต์ ตัวเลขนี้ได้รับการรายงานอย่างสม่ำเสมอจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยบางแหล่งระบุจำนวนประมาณ 1.1 พันล้าน และบางแหล่งให้ตัวเลขที่แม่นยำกว่าที่ 1,119,023,272 ประมาณการอื่นๆ เกินกว่านี้เล็กน้อย โดยอยู่ที่ประมาณ 1.13 พันล้าน หรือสูงถึง 1.2 พันล้าน ในขณะที่ Internet Live Stats เสนอแนะตัวเลขที่สูงกว่าที่ 1.5 พันล้าน และ Statista ระบุตัวเลขที่น่าตกใจถึง 1.88 พันล้าน เป็นที่ชัดเจนว่าจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดเกินหนึ่งพันล้านอย่างสบายๆ

วิถีการเติบโตของจำนวนเว็บไซต์ไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป เว็บได้แตะหลักพันล้านเว็บไซต์เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน 2557 หลังจากนั้น จำนวนก็ผันผวนก่อนที่จะกลับมาทรงตัวเหนือหลักพันล้านอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2559 จำนวนเว็บไซต์สูงสุดเกิดขึ้นระหว่างปี 2560 ถึง 2561 โดยแตะประมาณ 1.8 พันล้านก่อนที่จะลดลง การลดลงนี้มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแอปพลิเคชันมือถือ การรวมบริการเว็บ และวิธีการติดตามเว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงไป

การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างการจดทะเบียนชื่อโดเมนและจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม ในไตรมาสที่สองของปี 2567 มีการจดทะเบียนชื่อโดเมน 362.4 ล้านรายการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดเมน.com ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยคิดเป็น 44.4% หรือ 36.10% 1 ของเว็บไซต์ทั้งหมด แม้ว่าจำนวนการจดทะเบียนโดเมนจะยังคงเติบโต แต่การลดลงของจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดเมื่อเร็วๆ นี้บ่งชี้ว่าไม่ใช่ทุกโดเมนที่จดทะเบียนจะโฮสต์เว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่เสมอไป หรือคำจำกัดความของ “เว็บไซต์” อาจมีการเปลี่ยนแปลงไป

ข้อบ่งชี้ว่าเว็บมีการ “อัปเดท”

คำว่า “อัปเดต” ในบริบทของเว็บไซต์ครอบคลุมกิจกรรมการบำรุงรักษาและการปรับปรุงที่หลากหลาย โดยทั่วไป การอัปเดตเว็บไซต์เป็นกระบวนการปกติของการดูแลรักษาและพัฒนาที่มุ่งแก้ไขข้อผิดพลาดและทำให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ยังคงทันสมัยและมีความเกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงเนื้อหา การปรับปรุง SEO การอัปเดตการออกแบบให้สอดคล้องกับแนวโน้มปัจจุบัน และการรับรองความปลอดภัย การอัปเดตอาจมีตั้งแต่การปรับแต่งเล็กน้อยไปจนถึงการยกเครื่องครั้งใหญ่ (การออกแบบใหม่) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อโค้ด เนื้อหา โครงสร้าง และรูปลักษณ์ของเว็บไซต์ ในทางตรงกันข้าม การรีเฟรชโดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในรูปลักษณ์โดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือฟังก์ชันหลัก

การอัปเดตทางเทคนิคมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงาน ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขข้อบกพร่อง การอัปเดตปลั๊กอินและซอฟต์แวร์ การรับรองการตอบสนองบนมือถือ และการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็ว การอัปเดตเนื้อหามุ่งเน้นที่การรักษาความเกี่ยวข้อง ความถูกต้อง และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ซึ่งอาจรวมถึงการเขียนใหม่ การเพิ่มข้อมูลใหม่ การปรับให้เหมาะสมสำหรับ SEO และการอัปเดตองค์ประกอบมัลติมีเดีย นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ซึ่งวัดได้จากตัวชี้วัดต่างๆ เช่น อัตราการตีกลับ เวลาที่ใช้ในหน้า และอัตราการแปลง อาจบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการอัปเดต จากมุมมองของ SEO การอัปเดตเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับการรับรองว่าเครื่องมือค้นหาสามารถรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ robots.txt และแผนผังเว็บไซต์ การให้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ Google

เพื่อวัตถุประสงค์ของบทความนี้ เว็บไซต์จะถือว่า “อัปเดต” หากแสดงกิจกรรมล่าสุดในด้านใดด้านหนึ่งต่อไปนี้ในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา:

  • การอัปเดตเนื้อหา: โพสต์บล็อก บทความ รายการผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการแก้ไขเนื้อหาที่มีอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
  • การอัปเดตทางเทคนิค: การอัปเดตซอฟต์แวร์หรือปลั๊กอิน แพตช์ความปลอดภัย หรือการปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์หรือการตอบสนองบนมือถือ
  • การปรับเปลี่ยนการออกแบบ: การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนในเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ องค์ประกอบภาพ หรือส่วนติดต่อผู้ใช้ นอกเหนือจากการปรับแต่งด้านสุนทรียภาพเล็กน้อย 17
  • การโต้ตอบกับผู้ใช้: หลักฐานการมีส่วนร่วมของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น ความคิดเห็นล่าสุด กิจกรรมในฟอรัม หรือการอัปเดตการรวมโซเชียลมีเดีย

คำจำกัดความนี้เป็นกรอบการทำงานที่ใช้งานได้จริงสำหรับการประเมินว่าเว็บไซต์ได้รับการบำรุงรักษาอย่างแข็งขันหรือไม่ โดยพิจารณาจากสัญญาณที่จับต้องได้ของกิจกรรมล่าสุดในด้านต่างๆ ที่สำคัญ

ความแตกต่าง: เว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่กับเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งาน

การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนของเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่และไม่ได้ใช้งานเผยให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญ มีเพียงประมาณ 17-18% ของเว็บไซต์ทั้งหมดเท่านั้นที่ถือว่าใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงมีเว็บไซต์ที่ใช้งานจริงประมาณ 192-201 ล้านเว็บไซต์จากทั้งหมดกว่า 1.1 พันล้านเว็บไซต์ ส่วนที่เหลืออีก 82-83% ถือว่าไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมักจะเป็นโดเมนที่จอดไว้หรือมีฟังก์ชันที่คล้ายคลึงกัน ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าเว็บไซต์ส่วนใหญ่บนอินเทอร์เน็ตไม่ได้ใช้งานหรือบำรุงรักษาอย่างแข็งขัน โดยแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ดิจิทัลจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้งาน

มีหลายปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ได้ใช้งาน เว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งานจำนวนมากเป็นโดเมนที่จอดไว้ ซึ่งสงวนไว้สำหรับการใช้งานในอนาคตหรือเพื่อขาย เว็บไซต์อื่นๆ ถูกละทิ้งเนื่องจากธุรกิจปิดตัวลง โครงการสิ้นสุดลง หรือขาดการบำรุงรักษา อายุขัยเฉลี่ยของเว็บไซต์ค่อนข้างสั้น โดยอยู่ที่ประมาณ 2 ปี 7 เดือน อายุขัยที่สั้นนี้มีส่วนทำให้จำนวนเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้งานมีจำนวนมาก เนื่องจากเว็บไซต์ล้าสมัยหรือถูกแทนที่ การเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของเว็บไซต์ใหม่ ควบคู่ไปกับอายุขัยที่ค่อนข้างสั้นของเว็บไซต์ที่มีอยู่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของภูมิทัศน์ดิจิทัล

การบำรุงรักษาอย่างเอาใจใส่ : การวัดจำนวนเว็บไซต์ที่อัปเดต

สถิติและรายงานที่มีอยู่โดยเฉพาะเกี่ยวกับความถี่ในการอัปเดตเว็บไซต์ช่วยให้เข้าใจสัดส่วนของเว็บไซต์ที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างแข็งขัน ประมาณ 17% ของเว็บไซต์ทั้งหมดได้รับการบำรุงรักษาและอัปเดตอย่างแข็งขัน ซึ่งสอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์ของเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่ ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวว่าควรจะอัปเดตเนื้อหาบ่อยแค่ไหน แต่มีการแนะนำให้ตรวจสอบเป็นประจำ สำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ มีการแนะนำให้รีเฟรชเนื้อหาทุกๆ สามเดือน การอัปเดตเลย์เอาต์เว็บไซต์แนะนำทุกๆ 18 เดือนถึงสองปี

ความถี่ในการอัปเดตที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับประเภทและวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เว็บไซต์ข่าวสารมักจะอัปเดตเนื้อหารายวันหรือบ่อยกว่านั้น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซควรจะอัปเดตข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นประจำ อาจเป็นรายไตรมาสหรือบ่อยกว่านั้นสำหรับสินค้าตามฤดูกาล บล็อกมักจะได้รับประโยชน์จากการอัปเดตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยความถี่ที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่ปริมาณการเข้าชมที่มากขึ้น แม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานสากล แต่การอัปเดตเว็บไซต์อย่างน้อยเดือนละครั้งถือเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไป รายงานปี 2566 ของ HubSpot ระบุว่า 88% ของนักการตลาดวางแผนที่จะรักษาระดับหรือเพิ่มการลงทุนในการทำบล็อก ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของการอัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ การศึกษาในปี 2568 ของ Stratabeat พบว่าเว็บไซต์ที่เผยแพร่โพสต์บล็อก 9 รายการขึ้นไปต่อเดือนมีการเติบโตของการเข้าชมทั่วไปสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

การอัปเดตเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัจจัยต่างๆ เช่น อันดับเครื่องมือค้นหาและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ เครื่องมือค้นหาให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีการอัปเดตบ่อยครั้ง เนื่องจากเนื้อหาที่สดใหม่บ่งบอกถึงกิจกรรมและความเกี่ยวข้อง ซึ่งนำไปสู่อันดับที่ดีขึ้น การอัปเดตเป็นประจำทำให้เนื้อหาสดใหม่และมีความเกี่ยวข้องสำหรับผู้เยี่ยมชม ซึ่งจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และโอกาสในการกลับมาเยี่ยมชม ในทางตรงกันข้าม เนื้อหาที่ล้าสมัยอาจบ่อนทำลายคุณค่าและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ดังนั้น การอัปเดตเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาและปรับปรุงสถานะออนไลน์ และดึงดูดและรักษาผู้ใช้ไว้

การล่วงเลยของเวลา : การเสื่อมถอยและอายุขัยของเว็บไซต์

เมื่อเวลาผ่านไป เว็บไซต์ต่างๆ จะประสบกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าการเสื่อมถอย ซึ่งรวมถึงลิงก์เสีย (link rot) และเนื้อหาที่ล้าสมัย หนึ่งในสี่ของหน้าเว็บทั้งหมดที่มีอยู่ระหว่างปี 2556 ถึง 2566 ไม่สามารถเข้าถึงได้ ณ เดือนตุลาคม 2566 สำหรับเนื้อหาที่เก่ากว่า แนวโน้มนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น โดย 38% ของหน้าเว็บจากปี 2556 ไม่สามารถใช้งานได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ 23% ของหน้าเว็บข่าวสารและ 21% ของหน้าเว็บของรัฐบาลมีลิงก์เสียอย่างน้อยหนึ่งลิงก์ และ 54% ของหน้า Wikipedia มีลิงก์ในส่วนอ้างอิงที่ชี้ไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่อีกต่อไป ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอัตราการเสื่อมถอยของเนื้อหาเว็บอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายในการเก็บรักษาข้อมูลและความน่าเชื่อถือ

อายุขัยเฉลี่ยของเว็บไซต์อยู่ที่ประมาณ 2 ปี 7 เดือน บางการศึกษาชี้ให้เห็นว่าอาจมีอายุตั้งแต่ 2 ถึง 5 ปี อายุขัยแตกต่างกันไปตามขนาดธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยแบรนด์ใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เทคโนโลยี มีอายุขัยสั้นกว่า (ประมาณ 2 ปี) เมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดเล็ก (4-6 ปี) ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์เสื่อมถอย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและอุตสาหกรรม การออกแบบและเทคโนโลยีที่ล้าสมัย ประสิทธิภาพต่ำ การปรับเปลี่ยนแบรนด์ และความต้องการคุณสมบัติใหม่ อายุขัยเฉลี่ยที่ค่อนข้างสั้นของเว็บไซต์เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการอัปเดตเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานที่มีประโยชน์ของเว็บไซต์

การติดตาม : เครื่องมือสำหรับตรวจสอบการอัปเดตเว็บไซต์

มีเครื่องมือและบริการมากมายที่พร้อมใช้งานสำหรับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงและระดับกิจกรรมของเว็บไซต์ เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์จะติดตามและตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในหน้าเว็บ รวมถึงข้อความ รูปภาพ และโค้ด และแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีการอัปเดต 74 เครื่องมือเหล่านี้บางอย่างใช้ AI เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตามบริบทและสรุปการอัปเดต 76 ตัวอย่างของเครื่องมือดังกล่าว ได้แก่ Visualping PageCrawl Distill.io ChangeTower Versionista Wachete OnWebChange และ changedetection.io

บริการตรวจสอบสถานะการทำงาน เช่น UptimeRobot 86 จะติดตามความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เครื่องมือวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics 87 Statcounter 87 และ Hotjar 91 ช่วยติดตามปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมผู้ใช้ และการมีส่วนร่วม ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับกิจกรรม เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานะและการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ของตนเอง รวมถึงตรวจสอบกิจกรรมของคู่แข่ง ทำให้สามารถบำรุงรักษาเชิงรุกและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้

ตารางที่ 1: จำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดเมื่อเวลาผ่านไป

ปีจำนวนเว็บไซต์โดยประมาณ (ล้าน)แหล่งข้อมูล
2010207Digital Silk
2015863Exploding Topics
20201296Exploding Topics
20241100-1200Musemind

ตารางที่ 2: เปอร์เซ็นต์ของเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่

แหล่งข้อมูลปีเปอร์เซ็นต์ของเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่
Digital Silk202417.83%
Exploding Topics202417.32%
Musemind Agency202417%
Siteefy202516.79%
Reboot Online2024< 18%
Forbes2024~ 18%
Siteefy2025~ 17%

ตารางที่ 3: ความถี่ในการอัปเดตเว็บไซต์ที่แนะนำตามประเภท

ประเภทเว็บไซต์ความถี่ในการอัปเดตที่แนะนำ
เว็บไซต์ข่าวสารทุกวันหรือบ่อยกว่านั้น
อีคอมเมิร์ซรายไตรมาสหรือบ่อยกว่านั้น
บล็อกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
องค์กรทั่วไปอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ส่วนบุคคลตามความจำเป็น

บทสรุป

อินเทอร์เน็ตเป็นระบบนิเวศดิจิทัลที่กว้างใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมีเว็บไซต์มากกว่า 1.1 พันล้านเว็บไซต์ ณ เดือนกันยายน 2567 อย่างไรก็ตาม มีเพียงส่วนน้อยของเว็บไซต์เหล่านี้เท่านั้นที่ได้รับการบำรุงรักษาและอัปเดตอย่างแข็งขัน โดยมีประมาณ 17% ที่ใช้งานจริง การลดลงของจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าการจดทะเบียนโดเมนจะยังคงเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีที่ผู้ใช้และธุรกิจมีส่วนร่วมกับเว็บ การอัปเดตเว็บไซต์เป็นกระบวนการที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมถึงเนื้อหา ด้านเทคนิค และการออกแบบ ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความเกี่ยวข้อง ฟังก์ชันการทำงาน ความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ความถี่ในการอัปเดตที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทและวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อหา เช่น ข่าวสารและบล็อก จำเป็นต้องมีการอัปเดตบ่อยกว่าเว็บไซต์องค์กรหรือเว็บไซต์ส่วนบุคคล

คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลเว็บ

  1. กำหนดตารางการอัปเดตเว็บไซต์เป็นประจำ ตามประเภทและวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ สำหรับเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อหา ให้ตั้งเป้าหมายการอัปเดตอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยมีการอัปเดตที่บ่อยขึ้นสำหรับส่วนข่าวสารและบล็อก เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซควรจะอัปเดตข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นประจำ
  2. กำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน สำหรับสิ่งที่ถือเป็นการอัปเดตเว็บไซต์สำหรับความต้องการเฉพาะของคุณ โดยครอบคลุมถึงเนื้อหา ด้านเทคนิค และด้านการออกแบบ
  3. ใช้เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์ เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์ของคุณเองและของคู่แข่ง โดยรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดตและแนวโน้มในอุตสาหกรรมของคุณ
  4. ดำเนินการตรวจสอบเว็บไซต์เป็นประจำ (อย่างน้อยปีละครั้ง) เพื่อระบุเนื้อหาที่ล้าสมัย ลิงก์เสีย และส่วนที่ต้องปรับปรุงในด้านประสบการณ์ผู้ใช้และ SEO
  5. ให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาทางเทคนิค รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์และปลั๊กอิน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดของเว็บไซต์
  6. พิจารณาการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ ทุกๆ 2-5 ปี เพื่อให้ทันกับแนวโน้มการออกแบบ เทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป
  7. ตรวจสอบการวิเคราะห์เว็บไซต์ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อแจ้งการอัปเดตเนื้อหาและการออกแบบ

เรื่องโดย

  • บรรณาธิการ และนักเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม ศิลปะวัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ของผู้คนรอบตัว ในยุคปัจจุบัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *