อีสาน 7 วัน 0
Share

ขับรถเที่ยวอีสาน 7 วัน มนต์เสน่ห์ริมแม่น้ำโขง เลย หนองคาย บึงกาฬ

วางแผนทริปขับรถเที่ยวอีสาน 7 วัน สัมผัสเสน่ห์เมืองรองริมฝั่งโขง เริ่มต้นที่เลย เมืองแห่งทะเลภูเขา สู่หนองคาย เมืองพญานาค และบึงกาฬ ดินแดนแห่งหินสามวาฬ เตรียมตัวให้พร้อม ออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวความสุขและความทรงจำกัน

ทำไมต้องเที่ยวอีสานเมืองรอง?

ภาคอีสานของประเทศไทยไม่ได้มีดีแค่เมืองใหญ่ที่คึกคัก แต่ยังซุกซ่อนเสน่ห์อันน่าหลงใหลไว้ใน “เมืองรอง” อีกมากมาย การท่องเที่ยวเมืองรองเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ที่แตกต่าง สัมผัสวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ วัฒนธรรมท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์งดงาม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เองก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพนี้ และได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 55 จังหวัดเมืองรองทั่วประเทศ โดยในภาคอีสานมีจังหวัดที่ถูกจัดเป็นเมืองรองมากถึง 18 จังหวัด การที่ ททท. จัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เช่น “ฮักอีสาน เมืองน่าเที่ยว” หรือ “สุขทันที..ที่เที่ยวอีสาน” แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจและแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายรอให้ไปค้นพบ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย และอาจได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากการท่องเที่ยวในช่วงเวลาโปรโมชั่นอีกด้วย

เส้นทางขับรถเที่ยว 7 วันที่เราจะพาไปสำรวจในครั้งนี้ คือการเดินทางผ่าน 3 จังหวัดเมืองรองริมฝั่งแม่น้ำโขง (บางส่วน) ได้แก่ เลย หนองคาย และบึงกาฬ เส้นทางนี้จะนำพาท่านไปสัมผัสความงดงามหลากหลายมิติ ตั้งแต่ยอดเขาสูงเสียดฟ้า อากาศหนาวเย็นสบายที่จังหวัดเลย เมืองริมโขงสุดชิลล์อย่างเชียงคานที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์บ้านไม้เก่าไว้ได้อย่างน่าประทับใจ, จุดชมวิวแม่น้ำโขงสุดอลังการที่เปิดมุมมองกว้างไกลเห็นฝั่งลาว ณ หนองคายและบึงกาฬ แหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างหินสามวาฬและภูทอกในจังหวัดบึงกาฬ ไปจนถึงการสัมผัสวัฒนธรรมและความเชื่อเรื่องพญานาคที่หยั่งรากลึกในวิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งโขงที่หนองคายและบึงกาฬ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกเดินทางไปเก็บเกี่ยวความสุขและความทรงจำ ณ ดินแดนอีสานเมืองรองแห่งนี้กัน

รู้จัก 3 เมืองรองน่าขับรถเที่ยว เลย หนองคาย บึงกาฬ

การเลือกเส้นทาง เลย-หนองคาย-บึงกาฬ สำหรับทริปขับรถเที่ยว 7 วันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นจังหวัดเมืองรองที่อยู่ใกล้เคียงกัน แต่ยังเป็นการเดินทางที่ร้อยเรียงประสบการณ์อันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตั้งแต่ธรรมชาติบนยอดเขาสูง สู่มนต์เสน่ห์ริมฝั่งแม่น้ำโขง และความเชื่ออันเป็นเอกลักษณ์

เชียงคาน เที่ยวอีสาน
แม่น้ำโขงที่เชียงคาน จังหวัดเลย
เที่ยวอีสาน หนองคาย
ภาพชีวิตริมแม่น้ำโขง หนองคาย
หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
มองหินสามวาฬจากโดรน จังหวัดบึงกาฬ
  • จังหวัดเลย เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม
    • จังหวัดเลย เป็นหนึ่งในเมืองรองของภาคอีสานที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี จนได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม” ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน อุดมไปด้วยป่าไม้อันเขียวขจี และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติภูเรือ ที่มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าอันงดงาม อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แหล่งพิชิตใจนักเดินทางสายผจญภัย (แม้จะไม่ได้รวมอยู่ในแผน 7 วันนี้ แต่ก็เป็นที่รู้จักกันดี) และ เชียงคาน เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบ้านไม้เก่าและวิถีชีวิตอันเรียบง่าย นอกจากนี้ จังหวัดเลยยังมีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นคือ ประเพณีแห่ผีตาโขน ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในอำเภอด่านซ้าย
  • จังหวัดหนองคาย เมืองพญานาคริมฝั่งโขง ประตูสู่อินโดจีน
    • จังหวัดหนองคาย เมืองรองริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นประตูเชื่อมต่อไปยังประเทศลาวและภูมิภาคอินโดจีน บรรยากาศของเมืองค่อนข้างเงียบสงบและเป็นกันเอง ผู้คนใช้ชีวิตผูกพันกับสายน้ำโขง มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นศูนย์รวมความศรัทธาในองค์พญานาคอย่างเข้มข้น จุดเด่นของหนองคายคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งท่องเที่ยวริมโขงที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ วัดโพธิ์ชัย ที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) อุทยานเทวาลัยที่มีประติมากรรมปูนปั้นขนาดใหญ่ผสมผสานความเชื่อทางศาสนาพุทธและฮินดูอย่างน่าทึ่ง วัดผาตากเสื้อ ที่มี สกายวอล์คพื้นกระจก ให้ชมวิวแม่น้ำโขงแบบพาโนรามาสุดหวาดเสียว ตลาดท่าเสด็จ แหล่งรวมสินค้าจากไทย ลาว และเวียดนาม และ พันโขดแสนไคร้ หรือแกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง ที่จะเผยความงามของโขดหินนับพันเมื่อน้ำลด การ ล่องเรือชมแม่น้ำโขง ก็เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด
  • จังหวัดบึงกาฬ น้องใหม่สุด Unseen แดนดินถิ่นนาคา
    • บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดเมืองรองที่น่าจับตามอง แม้จะเป็นจังหวัดใหม่ แต่ก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจหลายแห่ง จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความ Unseen นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว บึงกาฬยังผูกพันกับตำนานและความเชื่อเรื่องพญานาคอย่างลึกซึ้ง สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของบึงกาฬ ได้แก่ หินสามวาฬ ณ ภูสิงห์ กลุ่มหินทรายขนาดใหญ่ 3 ก้อนอายุ 75 ล้านปี ที่มีรูปร่างคล้ายปลาวาฬพ่อแม่ลูก ตั้งตระหง่านริมหน้าผา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามจับใจ ภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร) ภูเขาหินทรายโดดเดี่ยวที่มีสะพานไม้และบันไดเวียนรอบเขาทั้ง 7 ชั้น สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธา เป็นเส้นทางแสวงบุญและจุดชมวิว 360 องศาที่น่าอัศจรรย์ วัดอาฮงศิลาวาส วัดริมโขงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง หรือ สะดือแม่น้ำโขง และเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค และ ถ้ำนาคา แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยลักษณะหินที่คล้ายเกล็ดและลำตัวของพญานาคขนาดยักษ์ (ต้องจองคิวล่วงหน้าและใช้เวลาเดินขึ้นพอสมควร)
  • ความเชื่อมโยงของเส้นทาง
    • การเดินทางเชื่อมต่อระหว่าง เลย หนองคาย และบึงกาฬ สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายผ่านถนนสายหลัก เช่น ทางหลวงหมายเลข 211 และ 212 ซึ่งบางช่วงจะเลียบขนานไปกับแม่น้ำโขง มอบทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดการเดินทาง สภาพถนนโดยทั่วไปถือว่าดี ทำให้การขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเป็นไปได้ไม่ยากนัก เส้นทางนี้ไม่ได้เป็นเพียงการนำจังหวัดเมืองรองที่อยู่ใกล้กันมารวมไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางที่บอกเล่าเรื่องราวของ “แม่น้ำโขง” และ “วัฒนธรรพญานาค” ซึ่งเป็นสายใยที่เชื่อมโยงวิถีชีวิต ความเชื่อ และสถานที่ต่างๆ ในภูมิภาคนี้เข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น การออกแบบทริปโดยคำนึงถึงธีมหลักนี้ จะช่วยเพิ่มมิติและความหมายให้กับการเดินทาง ทำให้ไม่ใช่แค่การไปเยือนสถานที่ต่างๆ แต่เป็นการทำความเข้าใจและซึมซับเรื่องราวของดินแดนริมฝั่งโขงแห่งนี้อย่างแท้จริง
ขับรถเที่ยว อีสาน 7 วัน
เสน่ห์ของการขับรถเที่ยว คือเรื่องราว ผู้คน และภาพความทรงจำ ที่พบเจอระหว่างทาง

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้ทริปขับรถเที่ยวอีสานเมืองรองของคุณราบรื่นและน่าประทับใจยิ่งขึ้น มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ควรพิจารณาก่อนออกเดินทาง

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทาง

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางในเส้นทาง เลย-หนองคาย-บึงกาฬ คือ ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ในช่วงนี้ สภาพอากาศโดยรวมจะเย็นสบาย แห้ง และมีแดดจัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับรถเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ท่านจะมีโอกาสได้ชมทะเลหมอกสวยงามตามยอดภูต่างๆ เช่น ภูเรือ ภูทอก (ทั้งที่เชียงคานและบึงกาฬ) และวัดผาตากเสื้อ นอกจากนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงในช่วงฤดูแล้งยังทำให้สามารถมองเห็นความงามของโขดหินต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น แก่งคุดคู้ที่เชียงคาน และพันโขดแสนไคร้ที่หนองคาย
อย่างไรก็ตาม ควรทราบถึงสภาพอากาศในช่วงอื่นๆ ด้วย:

  • ฤดูร้อน (มีนาคม – พฤษภาคม): อากาศจะร้อนจัดและแห้งแล้ง อาจไม่เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ
  • ฤดูฝน (มิถุนายน – ตุลาคม): แม้ธรรมชาติจะเขียวชอุ่มและน้ำตกสวยงาม แต่ก็อาจต้องเผชิญกับฝนตกหนัก ถนนลื่น ทัศนียภาพอาจไม่ชัดเจนเพราะเมฆฝนหรือหมอกหนา และอาจเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ การเดินป่าหรือขึ้นเขาอาจลำบากและอันตรายมากขึ้น
  • ช่วงเผาไร่ (ประมาณมีนาคม – เมษายน): อาจประสบปัญหาหมอกควันจากการเผาในภาคเกษตร ซึ่งส่งผลต่อทัศนียภาพและสุขภาพ

สำหรับผู้ที่สนใจเทศกาลและประเพณีท้องถิ่น อาจต้องพิจารณาเดินทางในช่วงเวลาอื่น เช่น ประเพณีแห่ผีตาโขน ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งมักจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม หรือปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ที่ริมแม่น้ำโขงในจังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันออกพรรษา (ประมาณเดือนตุลาคม) แต่ควรเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่อาจไม่เอื้ออำนวยเท่าฤดูหนาวการเลือกช่วงเวลาเดินทางจึงส่งผลอย่างมากต่อประสบการณ์ที่จะได้รับ โดยเฉพาะทริปที่เน้นธรรมชาติและจุดชมวิว การเดินทางในช่วง พ.ย.-ก.พ. จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแผนการเดินทางนี้

ขับรถเที่ยวอีสาน เคล็ดลับ สภาพถนน และข้อควรระวัง

การขับรถเที่ยวเองในภาคอีสาน โดยเฉพาะเส้นทางเมืองรอง เลียบแม่น้ำโขง และขึ้นแหล่งท่องเที่ยวตามภูเขา จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ถนนสายหลักส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพดี แต่ก็มีข้อควรทราบดังนี้

  • สภาพถนน: ถนนสายหลัก เช่น ถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงหมายเลข 211 และ 212 ที่เลียบแม่น้ำโขง มักมีสภาพดีและขับขี่สะดวก อย่างไรก็ตาม ถนนสายรอง ทางเข้าหมู่บ้าน หรือเส้นทางขึ้นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ภูเรือ ภูทอก หรือภูสิงห์ อาจมีสภาพแคบ ชัน มีโค้งหักศอก หรือพื้นผิวขรุขระ เป็นหลุมบ่อ ในพื้นที่ชนบท อาจพบสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย เดินข้ามถนน หรือชาวบ้านใช้ถนนร่วมด้วย
  • พฤติกรรมการขับขี่: ควรขับรถด้วยความระมัดระวังและใช้หลักการขับขี่เชิงป้องกัน (Defensive Driving) เนื่องจากอาจพบผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่เคารพกฎจราจร เช่น ขับเร็วเกินกำหนด ไม่ให้สัญญาณ หรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่อาจขับขี่แทรกหรือย้อนศร ควรตระหนักว่าการขับขี่ในประเทศไทยคือการขับชิดซ้าย
  • ข้อควรระวังพิเศษ
    • การขับขี่ตอนกลางคืน: ควรหลีกเลี่ยงการขับรถตอนกลางคืนในพื้นที่ชนบทหรือเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากมีแสงสว่างจำกัด ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีและอาจมองไม่เห็นสิ่งกีดขวางหรือหลุมบ่อ
    • สภาพอากาศ: หลังฝนตก ถนนอาจลื่น และหลุมบ่ออาจมีน้ำขัง ทำให้มองไม่เห็นความลึก หมอกในตอนเช้าหรือช่วงฤดูหนาวอาจบดบังทัศนวิสัย โดยเฉพาะบนภูเขาสูง
    • สัตว์ป่า/สัตว์เลี้ยง: ระมัดระวังสัตว์ที่อาจเดินข้ามถนน โดยเฉพาะในเขตชนบทหรือใกล้พื้นที่ป่า
    • น้ำมันเชื้อเพลิง: ในพื้นที่ห่างไกล ปั๊มน้ำมันอาจมีน้อย ควรวางแผนเติมน้ำมันล่วงหน้า
    • ด่านตรวจ: อาจพบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม
    • เอกสารสำคัญ: ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุ ควรพกสำเนาทะเบียนรถและเอกสารประกันภัยรถยนต์ติดรถไว้เสมอ หากเป็นการเช่ารถ ควรตรวจสอบความคุ้มครองของประกันภัยให้ละเอียด

โดยสรุป แม้การขับรถเที่ยวเองในอีสานจะมอบอิสระและความสะดวกสบาย แต่ผู้ขับขี่ต้องมีสติ ใช้ความระมัดระวังสูง เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ที่หลากหลาย และวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงการขับขี่ในเวลากลางคืนในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

วางแผนการเงินเที่ยวอีสาน
ประหยัดเงินได้เพราะที่พักราคาถูกแต่ได้วิวหลักล้าน เมนูอาหารท้องถิ่น อร่อยคาดไม่ถึง แต่ต้องเผื่อค่าน้ำมันด้วยนะ

วางแผนงบประมาณคร่าวๆ

การเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรองของภาคอีสานนั้น สามารถวางแผนงบประมาณให้สบายกระเป๋าได้ โดยเฉพาะค่าที่พักและค่าอาหาร ซึ่งมักจะถูกกว่าเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเห็นได้ชัด การประมาณการค่าใช้จ่ายคร่าวๆ สำหรับทริป 7 วันนี้ มีดังนี้

  • ที่พัก: เน้นที่พักราคาประหยัดถึงปานกลาง เช่น เกสต์เฮาส์ โฮมสเตย์ โรงแรมขนาดเล็ก หรือรีสอร์ทราคาไม่แพง คาดการณ์ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 – 1,500 บาทต่อคืน
  • อาหาร: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้สามารถยืดหยุ่นได้มาก หากเลือกทานอาหารท้องถิ่น ร้านอาหารทั่วไป หรือสตรีทฟู้ด ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 50 – 150 บาทต่อมื้อ หากทานในร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว หรือร้านอาหารตะวันตก ราคาก็จะสูงขึ้น ควรประมาณการค่าอาหารไว้ที่ 300 – 600 บาทต่อวันต่อคน.
  • ค่าเข้าชมสถานที่: สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเส้นทางนี้มีค่าเข้าชมที่ไม่สูงนัก เช่น อุทยานแห่งชาติภูเรือ, ศาลาแก้วกู่ (20 บาท) หินสามวาฬ (ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท + ค่ารถบริการท้องถิ่น 500 บาท/คัน) ถ้ำนาคา (30 บาท) ควรเตรียมงบประมาณส่วนนี้ไว้ประมาณ 500 – 1,000 บาทต่อคน ตลอดทริป
  • ค่าน้ำมัน: เป็นค่าใช้จ่ายหลักสำหรับการขับรถเที่ยว ระยะทางรวมไป-กลับจากกรุงเทพฯ และเที่ยวตามแผน ประมาณ 1,800 – 2,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์และราคาน้ำมัน ณ วันเดินทาง ควรประมาณการและเตรียมงบประมาณไว้ให้เพียงพอ
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ค่าเครื่องดื่ม ค่าของฝาก ค่าบริการยานพาหนะท้องถิ่น เช่น รถขึ้นภูทอกที่เชียงคาน (25 บาท/คน) หรือค่าเรือล่องแม่น้ำโขง (หากเลือกใช้บริการ)

ประมาณการค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมค่าน้ำมันและของฝากส่วนตัว)

สำหรับนักเดินทางคนเดียวที่เน้นความประหยัด อาจตั้งงบประมาณไว้ที่ประมาณ 1,000 – 2,000 บาทต่อวัน ซึ่งครอบคลุมค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่บางส่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การเลือกที่พัก ร้านอาหาร และกิจกรรมของแต่ละบุคคลกุญแจสำคัญในการควบคุมงบประมาณคือการเลือกที่พักและร้านอาหารที่เหมาะสมกับงบประมาณ การเปิดใจลองชิมอาหารท้องถิ่นรสชาติต้นตำรับ นอกจากจะได้ประสบการณ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

เกร็ดวัฒนธรรมน่ารู้ และมารยาทในการท่องเที่ยว

การเข้าใจและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวราบรื่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนในพื้นที่ แม้ว่าคนไทยโดยทั่วไปจะมีความเข้าใจและพร้อมให้อภัยในความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่นักท่องเที่ยวก็ควรทราบและปฏิบัติตามมารยาทพื้นฐาน ดังนี้

  • การทักทาย การไหว้เป็นการทักทาย แสดงความขอบคุณ ขอโทษ หรือบอกลา ที่แสดงถึงความเคารพ โดยทั่วไป ผู้น้อยจะไหว้ผู้ใหญ่ก่อน ควรรับไหว้ด้วยการประนมมือเช่นกัน (อาจไม่ต้องก้มศีรษะมากเท่า) ยกเว้นการรับไหว้จากเด็ก หรือผู้ให้บริการ เช่น พนักงานเสิร์ฟ พนักงานโรงแรม ที่อาจเพียงแค่พยักหน้าหรือยิ้มตอบ
  • การเข้าสถานที่ ควรถอดรองเท้าก่อนเข้าวัด พระอุโบสถ วิหาร รวมถึงบ้านเรือนของคนไทย และร้านค้าบางแห่ง สังเกตได้จากชั้นวางรองเท้า หรือดูว่าคนอื่นถอดรองเท้าหรือไม่ ไม่ควรเหยียบธรณีประตู เพราะมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่
  • การแต่งกาย เมื่อเข้าวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ผู้หญิงควรใส่เสื้อมีแขน กระโปรงยาวคลุมเข่าหรือกางเกงขายาว ผู้ชายควรใส่กางเกงขายาว เสื้อมีแขน หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูปหรือเปิดเผยมากเกินไป การพกผ้าคลุมไหล่หรือผ้าถุงสำรองติดตัวไว้ก็เป็นความคิดที่ดี
  • การแสดงความเคารพ
    • สถาบันพระมหากษัตริย์ คนไทยให้ความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูง ควรหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ ควรยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือเพลงชาติ
    • พระสงฆ์ พระสงฆ์เป็นที่เคารพนับถือในสังคมไทย ผู้หญิงไม่ควรสัมผัสกายพระสงฆ์ หรือส่งของให้โดยตรง ควรแสดงความเคารพเมื่อพบเจอหรือสนทนาด้วย
    • ผู้สูงอายุ ให้ความเคารพต่อผู้สูงอายุเสมอ
    • พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรปีนป่าย นั่ง หรือแสดงกิริยาที่ไม่เคารพต่อพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ไม่ควรหันปลายเท้าไปทางพระพุทธรูป
  • ศีรษะและเท้า ตามความเชื่อของไทย ศีรษะถือเป็นส่วนที่สูงที่สุดและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรจับศีรษะของผู้อื่น หรือส่งของข้ามศีรษะ ส่วนเท้าถือเป็นของต่ำ ไม่ควรใช้เท้าชี้สิ่งของ ชี้คน หรือวางเท้าบนโต๊ะ เก้าอี้ หรือหันปลายเท้าไปทางผู้อื่นหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • การแสดงออก คนไทยให้ความสำคัญกับความสงบและการรักษาหน้า ควรพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่ตะโกน หรือแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวในที่สาธารณะ การแสดงความรักระหว่างคู่รักในที่สาธารณะควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม รอยยิ้มเป็นภาษาสากลและเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทย
  • การให้และรับของ/การรับประทานอาหาร ควรใช้มือขวาในการให้หรือรับของ และในการรับประทานอาหาร (โดยเฉพาะเมื่อใช้มือ)

การเรียนรู้และปฏิบัติตามธรรมเนียมเหล่านี้ จะช่วยให้ท่านเดินทางได้อย่างสบายใจ ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น และสร้างความทรงจำที่ดีในการมาเยือนดินแดนอีสาน


แผนการเดินทางขับรถเที่ยว 7 วัน เลย – หนองคาย – บึงกาฬ (ฉบับเที่ยวด้วยตัวเอง)

เพื่อให้เห็นภาพรวมของทริปได้ง่ายขึ้น ขอนำเสนอตารางสรุปแผนการเดินทาง 7 วัน ดังนี้

ตารางสรุปแผนการเดินทาง 7 วัน เลย-หนองคาย-บึงกาฬ

วันที่เส้นทางหลักระยะทาง (กม.)กิจกรรมไฮไลท์ที่พักแนะนำ (พื้นที่/ประเภท)อาหาร/คาเฟ่ (หมายเหตุ)
1กรุงเทพฯ – อ.ภูเรือ, จ.เลย~450-500เดินทาง, เที่ยววัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง, วัดป่าห้วยลาดอ.ภูเรือ (รีสอร์ท/โรงแรม)อาหารท้องถิ่นภูเรือ, คาเฟ่
2อ.ภูเรือ – อ.เชียงคาน, จ.เลย~90-100ชมทะเลหมอก อช.ภูเรือ, เดินถนนคนเดินเชียงคาน, (อาจแวะ) แก่งคุดคู้อ.เชียงคาน (เกสต์เฮาส์/โฮมสเตย์ ริมโขง)อาหารเช้าภูเรือ, สตรีทฟู้ดเชียงคาน, คาเฟ่ริมโขง
3เที่ยวใน อ.เชียงคาน และใกล้เคียงใส่บาตรข้าวเหนียว, ชมทะเลหมอกภูทอก (เชียงคาน), สกายวอล์คเชียงคานอ.เชียงคาน (ที่พักเดิม)อาหารเช้าพื้นเมือง, ร้านอาหาร/คาเฟ่เชียงคาน
4อ.เชียงคาน – อ.สังคม – อ.เมืองหนองคาย~200ขับรถเลียบโขง, ชมวิวสกายวอล์ค วัดผาตากเสื้อ, (อาจแวะ) พันโขดแสนไคร้/ถ้ำดินเพียงอ.เมืองหนองคาย (โรงแรม/เกสต์เฮาส์)อาหารกลางวัน อ.สังคม, อาหารเย็นหนองคาย
5เที่ยวใน อ.เมืองหนองคาย และใกล้เคียงวัดโพธิ์ชัย (หลวงพ่อพระใส), ศาลาแก้วกู่, ตลาดท่าเสด็จ, (อาจแวะ) ล่องเรือโขงอ.เมืองหนองคาย (ที่พักเดิม)แดงแหนมเนือง, คาเฟ่หนองคาย
6อ.เมืองหนองคาย – อ.ศรีวิไล/อ.เมืองบึงกาฬ~140-160เดินทาง, ปีนภูทอก (บึงกาฬ), (อาจแวะ) วัดอาฮงศิลาวาส (สะดือโขง)อ.เมืองบึงกาฬ/ใกล้เคียง (โรงแรม/รีสอร์ท)อาหารเช้าหนองคาย, อาหารกลางวัน/เย็น/คาเฟ่บึงกาฬ
7อ.เมืองบึงกาฬ – ภูสิงห์ – กรุงเทพฯ~650-700ชมพระอาทิตย์ขึ้น หินสามวาฬ, (อาจแวะ) จุดอื่นบนภูสิงห์, เดินทางกลับ– (เดินทางกลับ)อาหารเช้าง่ายๆ, อาหารกลางวันระหว่างทาง

รายละเอียดแผนการเดินทาง

วันที่ 1 : เดินทางสู่ จ.เลย – สัมผัสอากาศดีที่ภูเรือ

  • เส้นทาง: กรุงเทพฯ – อ.ภูเรือ จ.เลย (ระยะทางประมาณ 450-500 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง)
  • กิจกรรม:
    • เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า มุ่งหน้าสู่จังหวัดเลย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 21 และ 203 ผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ และเข้าสู่จังหวัดเลย
    • เมื่อเดินทางถึงอำเภอภูเรือในช่วงบ่าย เช็คอินเข้าที่พักที่ได้จองไว้ พักผ่อนสักครู่
    • ช่วงบ่ายแก่ๆ ออกไปสัมผัสความงามของสถาปัตยกรรมล้านช้างประยุกต์ที่ วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง (เดิมชื่อ วัดพระกริ่งปวเรศ) ซึ่งมีพระอุโบสถสร้างจากไม้สักทองทั้งหลังที่งดงามวิจิตร
    • จากนั้นเดินทางต่อไปยัง วัดป่าห้วยลาด วัดปฏิบัติธรรมสายวัดป่าที่ร่มรื่น เพื่อนมัสการพระประธานองค์ใหญ่ “พระสัพพัญญูรู้แจ้งสามแดนโลกธาตุ”
    • (ทางเลือก) หากเดินทางในช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มกราคม) อาจแวะชมความงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาพันธุ์ที่ ไร่ทีเอสเอ (TSA)
  • ที่พัก: เลือกพักรีสอร์ทหรือโรงแรมในอำเภอภูเรือ มีให้เลือกหลากหลายระดับราคา ตั้งแต่ราคาประหยัดถึงปานกลาง
  • อาหาร/คาเฟ่: มื้อเย็นลองหาร้านอาหารท้องถิ่นในตัวอำเภอภูเรือ เช่น ร้านภูเรือโภชนา 115 หรือร้านอื่นๆ ตามคำแนะนำ หรือจะหาร้านคาเฟ่บรรยากาศดีนั่งพักผ่อน

วันที่ 2 : ชมทะเลหมอกภูเรือ – มุ่งหน้าสู่เชียงคาน เมืองสุดชิลริมโขง

  • เส้นทาง: อ.ภูเรือ – อ.เชียงคาน (ระยะทางประมาณ 90-100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง)
  • กิจกรรม:
    • ตื่นแต่เช้าตรู่ (ประมาณ 05.00 น.) เพื่อเดินทางขึ้นสู่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ ชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกสุดอลังการ ณ ยอดภูเรือ ซึ่งเป็นจุดที่ขึ้นชื่อว่าอากาศหนาวเย็นที่สุดแห่งหนึ่งของไทย สูดอากาศบริสุทธิ์และเก็บภาพความประทับใจ
    • กลับลงมารับประทานอาหารเช้าที่ที่พัก หรือร้านอาหารในตัวอำเภอภูเรือ
    • ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงคาน ใช้เส้นทางที่ลัดเลาะผ่านหุบเขา ชมทิวทัศน์สองข้างทาง
    • เมื่อถึงเชียงคาน เช็คอินเข้าที่พักที่ได้จองไว้ แนะนำให้เลือกที่พักที่อยู่บนถนนชายโขง (ถนนคนเดิน) หรือซอยใกล้เคียง เพื่อความสะดวกในการเดินเที่ยว
    • ช่วงบ่ายแก่ๆ ถึงเย็น ออกไปเดินเล่นสัมผัสเสน่ห์ของ ถนนคนเดินเชียงคาน (ถนนชายโขง) ชมบ้านไม้เก่าแก่ที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำโขง เลือกซื้อของฝาก สินค้าพื้นเมือง และห้ามพลาดชิมอาหารอร่อยๆ ที่มีให้เลือกมากมาย
    • (ทางเลือก) หากมีเวลา อาจขับรถไปชมวิวโขดหินกลางลำน้ำโขงที่ แก่งคุดคู้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงคานนัก โดยเฉพาะช่วงน้ำลดจะเห็นโขดหินสวยงาม
  • ที่พัก เลือกพักเกสต์เฮาส์ โฮมสเตย์ หรือโรงแรมขนาดเล็กในเชียงคาน มีตัวเลือกราคาประหยัดมากมาย โดยเฉพาะแบบบ้านไม้ริมโขงที่ให้บรรยากาศสุดคลาสสิก (ราคาประมาณ 500-1,500 บาท)
  • อาหาร/คาเฟ่ อาหารเช้าที่ภูเรือ มื้อกลางวันอาจทานระหว่างทางหรือหาอะไรง่ายๆ ทานที่เชียงคาน มื้อเย็นเพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายบนถนนคนเดิน เช่น ข้าวจี่ กุ้งเสียบ เมี่ยงคำ ปาท่องโก๋ยัดไส้ เชียงคานยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ริมโขงและตามซอยต่างๆ ให้เลือกนั่งชิลล์มากมาย

วันที่ 3 : สัมผัสวิถีสโลว์ไลฟ์ที่เชียงคาน

  • เส้นทาง: ท่องเที่ยวในอำเภอเชียงคานและบริเวณใกล้เคียง
  • กิจกรรม:
    • เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการสัมผัสวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของเชียงคานกับการ ตักบาตรข้าวเหนียว ในยามเช้าตรู่ บริเวณถนนคนเดิน
    • เดินทางขึ้นไปชมทะเลหมอกยามเช้าและทิวทัศน์มุมสูงของเมืองเชียงคานและแม่น้ำโขงที่ ภูทอก (เชียงคาน) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงไม่กี่กิโลเมตร (มีรถบริการรับ-ส่งขึ้นเขา)
    • กลับลงมาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศริมโขงยามเช้า หรือเช่าจักรยานปั่นเล่นเลียบริมแม่น้ำ
    • ช่วงสาย เดินทางไปยัง สกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว) ซึ่งเป็นจุดชมวิวพื้นกระจกใสยื่นออกไปเหนือหน้าผา สามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง เป็นภาพที่สวยงามและน่าตื่นเต้น บริเวณใกล้เคียงมีพระใหญ่ให้สักการะด้วย
    • (ทางเลือก) หากสนใจประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ไทย-ลาว อาจขับรถย้อนไปทางอำเภอด่านซ้าย (ประมาณ 50 กม.) เพื่อสักการะ พระธาตุศรีสองรัก เจดีย์เก่าแก่ที่เป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพ
  • ที่พัก: พักค้างคืนที่เชียงคาน ณ ที่พักเดิม
  • อาหาร/คาเฟ่: ลองชิมอาหารเช้าพื้นเมือง เช่น ไข่กระทะ โจ๊ก หรือข้าวเปียกเส้น. มื้อกลางวันและเย็น เลือกร้านอาหารท้องถิ่นในเชียงคาน เช่น ร้านลุกโภชนา (เน้นเมนูปลาแม่น้ำโขง) หรือร้านจุ่มนัวยายพัด.132 ยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับนั่งเล่นตามคาเฟ่ต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย

วันที่ 4 : ลัดเลาะริมโขงสู่ จ.หนองคาย – ชมวิว Skywalk สุดหวาดเสียว

  • เส้นทาง: อ.เชียงคาน – อ.สังคม – อ.เมืองหนองคาย (ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาแวะเที่ยว)
  • กิจกรรม:
    • อำลาเชียงคาน เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย โดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำโขง (ทางหลวงหมายเลข 211) ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทิวทัศน์สวยงาม
    • แวะจุดไฮไลท์สำคัญที่ วัดผาตากเสื้อ อำเภอสังคม ขึ้นไปชมวิวแม่น้ำโขงแบบพาโนรามาจาก สกายวอล์คพื้นกระจกใส แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งยื่นออกไปจากหน้าผา สร้างความตื่นตาตื่นใจและหวาดเสียวเล็กน้อย
    • (ทางเลือก) หากมีเวลาและเป็นช่วงน้ำลด (ฤดูหนาว/แล้ง) อาจพิจารณาแวะ ล่องเรือชมพันโขดแสนไคร้ ที่บ้านม่วง อำเภอสังคม สัมผัสความงามของโขดหินกลางลำน้ำโขง หรือแวะ วัดถ้ำศรีมงคล (ถ้ำดินเพียง) ชมถ้ำที่เชื่อว่าเป็นเส้นทางสู่เมืองบาดาลของพญานาค (ควรมีไกด์ท้องถิ่นนำทาง)
    • เดินทางต่อเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองหนองคาย เช็คอินเข้าที่พักที่ได้จองไว้
  • ที่พัก เลือกพักโรงแรมหรือเกสต์เฮาส์ในตัวเมืองหนองคาย มีตัวเลือกหลากหลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันต้นๆ แนะนำให้เลือกที่พักใกล้ริมโขงหรือตลาดท่าเสด็จเพื่อความสะดวก
  • อาหาร/คาเฟ่: รับประทานอาหารเช้าที่เชียงคานก่อนออกเดินทาง มื้อกลางวันอาจแวะทานร้านอาหารระหว่างทางในอำเภอสังคม มื้อเย็นหาร้านอร่อยในตัวเมืองหนองคาย

วันที่ 5 : เสน่ห์เมืองหนองคาย วัดงาม ตลาดดัง ริมฝั่งโขง

  • เส้นทาง ท่องเที่ยวในอำเภอเมืองหนองคายและบริเวณใกล้เคียง
  • กิจกรรม
    • เริ่มต้นวันด้วยการไปสักการะ หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวหนองคายและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    • เดินทางต่อไปยัง ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) ชมความอลังการของประติมากรรมปูนปั้นขนาดใหญ่จำนวนมาก ที่ผสมผสานความเชื่อทางศาสนาพุทธและฮินดูเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์ สร้างสรรค์โดยปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์
    • กลับเข้าเมือง เดินเล่นเลือกซื้อสินค้า ของฝาก และของที่ระลึกที่ ตลาดท่าเสด็จ (ตลาดอินโดจีน) ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง มีสินค้าหลากหลายจากไทย ลาว และเวียดนาม
    • เดินเล่นรับลมชมวิวริมแม่น้ำโขง บริเวณ ลานวัฒนธรรมหน้าวัดลำดวน ซึ่งมีประติมากรรมพญานาคคู่ขนาดใหญ่โดดเด่นเป็นสง่า เป็นจุดพักผ่อนและถ่ายรูปยอดนิยม
    • (ทางเลือก) หากสนใจ อาจแวะชม พระธาตุกลางน้ำ (พระธาตุหล้าหนอง) ที่จมอยู่ในแม่น้ำโขง (มองเห็นได้ชัดช่วงน้ำลด) หรือไปสักการะ พระธาตุบังพวน พระธาตุเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของหนองคาย หรืออาจเลือก ล่องเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง
  • ที่พัก พักค้างคืนที่หนองคาย ณ ที่พักเดิม
  • อาหาร/คาเฟ่ มื้อเช้าลองชิมไข่กระทะ อาหารเช้ายอดนิยมของคนอีสาน. มื้อกลางวันหรือเย็น ห้ามพลาด ลิ้มลอง แหนมเนือง ต้นตำรับที่ ร้านแดงแหนมเนือง ร้านดังระดับตำนานของหนองคาย นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ ในเมืองให้เลือกนั่งพักผ่อน เช่น ศิลป์โสภา โฮสเทล แอนด์ คาเฟ่ กาแฟเวียด หรือ Roadhouse Cafe

วันที่ 6 : เดินทางสู่ จ.บึงกาฬ – ปีนภูทอก ชมวิวหลักล้าน

  • เส้นทาง อ.เมืองหนองคาย – อ.ศรีวิไล / อ.เมืองบึงกาฬ (ระยะทางประมาณ 140-160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง)
  • กิจกรรม
    • รับประทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์จากที่พักในหนองคาย เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดบึงกาฬ
    • เมื่อถึงจังหวัดบึงกาฬ เช็คอินเข้าที่พักที่ได้จองไว้ อาจเลือกพักในตัวอำเภอเมือง หรือรีสอร์ทใกล้เคียง
    • ช่วงบ่าย เดินทางไปยัง วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ในอำเภอศรีวิไล เตรียมกำลังกายและใจให้พร้อมสำหรับการเดินขึ้นบันไดไม้และสะพานไม้ที่สร้างวนรอบภูเขาหินทราย 7 ชั้น ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้าน เพื่อขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมทิวทัศน์อันงดงามแบบ 360 องศาจากด้านบน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของจังหวัดบึงกาฬ ควรเผื่อเวลาสำหรับเดินขึ้น-ลง และชมวิวอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
    • (ทางเลือก) หากมีเวลาเหลือ อาจแวะไป วัดอาฮงศิลาวาส ในอำเภอเมืองบึงกาฬ ชม แก่งอาฮง และจุดที่เชื่อกันว่าเป็น สะดือแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง
  • ที่พัก เลือกพักโรงแรมหรือรีสอร์ทในตัวอำเภอเมืองบึงกาฬ หรือบริเวณใกล้เคียง มีตัวเลือกราคาประหยัดถึงปานกลางให้เลือก (ราคาประมาณ 400-1,200 บาท)
  • อาหาร/คาเฟ่: รับประทานอาหารเช้าที่หนองคาย, มื้อกลางวันและเย็น เลือกร้านอาหารในจังหวัดบึงกาฬ หรือลองแวะคาเฟ่บรรยากาศดีที่มีอยู่หลายแห่ง

วันที่ 7 : ชมตะวันขึ้นที่หินสามวาฬ – อำลาอีสาน

  • เส้นทาง: อ.เมืองบึงกาฬ – ภูสิงห์ – เดินทางกลับกรุงเทพฯ (ระยะทางจากภูสิงห์ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 650-700 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมง)
  • กิจกรรม:
    • ตื่นแต่เช้าตรู่มากๆ เพื่อเดินทางไปยัง ภูสิงห์ (การขึ้นไปยังจุดชมวิวหินสามวาฬ อาจต้องใช้บริการรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างชันและสมบุกสมบัน ค่าบริการประมาณ 500 บาทต่อคัน ควรติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้า)
    • ขึ้นไปรอชม พระอาทิตย์ขึ้นหินสามวาฬ สัมผัสความยิ่งใหญ่ของกลุ่มหินทรายรูปทรงคล้ายปลาวาฬ 3 ตัว ที่ตั้งตระหง่านริมหน้าผา ท่ามกลางทิวทัศน์ของผืนป่าเขียวขจีและสายหมอกยามเช้า (หากโชคดี) ถือเป็นภาพความทรงจำปิดท้ายทริปที่งดงาม
    • (ทางเลือก) หากมีเวลาหลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว อาจเดินสำรวจจุดท่องเที่ยวอื่นๆ บนภูสิงห์ เช่น หินหัวช้าง หินช้าง หินรถไฟ ส้างร้อยบ่อ กำแพงภูสิงห์ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มหินรูปทรงแปลกตาที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ
    • เดินทางกลับลงมาจากภูสิงห์ รับประทานอาหารเช้า (อาจเตรียมเป็นอาหารง่ายๆ หรือข้าวกล่อง)
    • เริ่มต้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเดินทางระยะไกล ควรวางแผนการเดินทางและจุดพักรถให้ดี
  • ที่พัก: – (เดินทางกลับ)
  • อาหาร/คาเฟ่: อาหารเช้าที่บึงกาฬ (อาจเป็นแบบง่ายๆ), มื้อกลางวันแวะรับประทานตามร้านอาหารระหว่างเส้นทางกลับกรุงเทพฯ

ที่พักสบายกระเป๋า แนะนำที่พักราคาดีใน เลย หนองคาย บึงกาฬ

ตลอดเส้นทางการเดินทางใน 3 จังหวัดเมืองรองนี้ มีตัวเลือกที่พักหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักเดินทางที่มองหาความคุ้มค่าและสะดวกสบายในราคาที่ไม่แพงมากนัก ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็กที่ให้บริการครบครัน เกสต์เฮาส์บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง โฮมสเตย์ที่ให้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น ไปจนถึงรีสอร์ทขนาดกะทัดรัดท่ามกลางธรรมชาติ

การมีตัวเลือกที่พักราคาประหยัดจำนวนมากในทั้งสามจังหวัด ทำให้การวางแผนเที่ยวแบบคุมงบประมาณเป็นไปได้จริง ช่วยให้นักเดินทางสามารถจัดสรรงบประมาณไปใช้กับประสบการณ์อื่นๆ เช่น การชิมอาหารอร่อย หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น

อร่อยสไตล์อีสาน ชี้เป้าร้านเด็ด คาเฟ่ดัง ห้ามพลาด!

นอกเหนือจากทิวทัศน์ที่สวยงามและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการมาเยือนอีสานคือการได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นรสชาติจัดจ้าน และการนั่งพักผ่อนในคาเฟ่บรรยากาศดี ซึ่งตลอดเส้นทาง เลย-หนองคาย-บึงกาฬ มีร้านอร่อยและคาเฟ่เก๋ๆ ซ่อนตัวอยู่มากมายรอให้ไปค้นพบ

อาหารอีสานและอาหารท้องถิ่น

อาหารอีสานขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เข้มข้น จัดจ้าน ถึงเครื่อง ทั้งรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และความนัวจากปลาร้า (สำหรับบางเมนู) วัตถุดิบส่วนใหญ่มักเป็นของที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ปลาน้ำโขงสดๆ ผักพื้นบ้านนานาชนิด และเนื้อสัตว์ต่างๆ.6 เมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนถิ่นอีสาน ได้แก่

  • ส้มตำ มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งตำไทย ตำปูปลาร้า ตำซั่ว ตำมั่ว
  • ลาบ/น้ำตก/ก้อย เมนูเนื้อสัตว์สับหรือหั่นบางๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสจัดจ้าน ข้าวคั่ว และสมุนไพร
  • ไก่ย่าง/ปลาเผา ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ และน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด
  • แจ่วฮ้อน/จิ้มจุ่ม หม้อไฟสไตล์อีสาน น้ำซุปหอมสมุนไพร ทานกับเนื้อสัตว์และผักสด
  • อาหารเวียดนาม (โดยเฉพาะที่หนองคาย) ด้วยความใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้หนองคายมีร้านอาหารเวียดนามอร่อยๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะ แหนมเนือง และเมนูอื่นๆ เช่น ปากหม้อญวน, กุ้งพันอ้อย
  • เมนูปลาแม่น้ำโขง เช่น ต้มยำปลาคัง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ลาบปลา
  • โคขุน บางพื้นที่มีการเลี้ยงโคขุนคุณภาพดี

ร้านแนะนำ

คาเฟ่แนะนำ

  • เลย/เชียงคาน: มีคาเฟ่ให้เลือกเยอะมาก ทั้งริมโขงและในซอยต่างๆ
    • Cafe De River, X1 Cafe at Chiangkhan
    • With A View
    • ชายโขงกาแฟสด “Chai Khong Coffee Bar”
    • ตาแวว คาเฟ่-เชียงคาน
    • BUHOM CAFE’ CAMPING
    • คำหวาน Coffee & Bakery
  • หนองคาย:
    • ศิลป์โสภา โฮสเทล แอนด์ คาเฟ่
    • กาแฟเวียด
    • Roadhouse Cafe
    • The For Rest Café
  • บึงกาฬ:
    • กว้างคูณยาว คาเฟ่&รีสอร์ท
    • Roo Seuk Dee
    • ฮิมนา คาเฟ่
    • KUN COOL CAFÉ
    • ETC.Coffee Bar
    • Bukmee Coffee
    • Landscape Camping Cafe
    • นาคีมีมนตร์ คาเฟ่ (สำหรับสายมู)
    • Koel & Co

การผสมผสานระหว่างการลิ้มลองอาหารพื้นเมืองรสชาติต้นตำรับในร้านท้องถิ่น กับการแวะพักผ่อนจิบกาแฟในคาเฟ่บรรยากาศดี ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งเมืองรองในเส้นทางนี้ก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจและหลากหลายไม่แพ้เมืองใหญ่เลยทีเดียว

แผนที่เส้นทางและภาพรวมระยะทาง

เพื่อให้การวางแผนเดินทางขับรถเที่ยวด้วยตัวเองสะดวกยิ่งขึ้น การมีภาพรวมของเส้นทางและระยะทาง รวมถึงแผนที่ที่สามารถนำทางได้จริง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ภาพรวมระยะทาง

  • ระยะทางรวมตลอดทริป: ประมาณ 1,800 – 2,000 กิโลเมตร (คำนวณจากการเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ และการขับรถเที่ยวตามจุดต่างๆ ในแผน 7 วัน)
  • ระยะทางขับรถในแต่ละวัน: จะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ประมาณ 100 กิโลเมตร ในวันที่เน้นเที่ยวในพื้นที่เดียว ไปจนถึง 500 กิโลเมตรขึ้นไป ในวันแรกและวันสุดท้ายที่เป็นการเดินทางระยะไกลระหว่างกรุงเทพฯ และจุดหมายปลายทาง
  • แผนที่เส้นทาง:
    เพื่อให้ท่านสามารถนำแผนการเดินทางนี้ไปใช้ได้จริง ได้มีการจัดทำโครงร่างเส้นทางการเดินทางบน Google Maps ซึ่งปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวและจุดหมายหลักตามลำดับในแผน 7 วันนี้ไว้แล้ว ท่านสามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อดูและใช้งานแผนที่ได้โดยตรง

ลำดับการปักหมุดในแผนที่ (โดยสังเขป)

  1. จุดเริ่มต้น (กรุงเทพฯ)
  2. อุทยานแห่งชาติภูเรือ (จุดชมวิว)
  3. วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง
  4. อ.เชียงคาน (ถนนคนเดิน)
  5. ภูทอก (จุดชมวิวเชียงคาน)
  6. สกายวอล์คเชียงคาน (ภูคกงิ้ว)
  7. วัดผาตากเสื้อ (สกายวอล์ค อ.สังคม)
  8. อ.เมืองหนองคาย (วัดโพธิ์ชัย)
  9. ศาลาแก้วกู่
  10. ตลาดท่าเสด็จ
  11. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ)
  12. หินสามวาฬ (ภูสิงห์)
  13. จุดหมายปลายทาง (กรุงเทพฯ)

การมีแผนที่และทราบระยะทางโดยประมาณ จะช่วยให้ท่านสามารถวางแผนการขับขี่ในแต่ละวัน กำหนดเวลาพัก และเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทริปขับรถเที่ยวอีสานเมืองรองของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน

บทสรุปเก็บเกี่ยวความสุขความทรงจำที่อีสานเมืองรอง

การเดินทาง 7 วันบนเส้นทางขับรถเที่ยว เลย-หนองคาย-บึงกาฬ คือการเดินทางที่มอบประสบการณ์อันหลากหลายและน่าประทับใจ ท่านจะได้สัมผัสทั้งความยิ่งใหญ่ของขุนเขาและทะเลหมอกที่จังหวัดเลย ดื่มด่ำกับบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ริมฝั่งโขงที่เชียงคาน ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์แม่น้ำโขงสุดอลังการและสกายวอล์คสุดหวาดเสียวที่หนองคายและอำเภอสังคม ไปจนถึงการค้นพบความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ Unseen และซึมซับเรื่องราวความเชื่อความศรัทธาในดินแดนแห่งพญานาค ณ จังหวัดบึงกาฬ

ตลอดเส้นทาง ท่านจะได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นรสชาติจัดจ้าน พักผ่อนในที่พักบรรยากาศดีสบายกระเป๋า และนั่งชิลล์ในคาเฟ่เก๋ๆ ที่สะท้อนวิถีชีวิตร่วมสมัยของเมืองรอง การขับรถเที่ยวด้วยตัวเองยังมอบอิสระในการแวะชมสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจระหว่างทาง ทำให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยการค้นพบและความทรงจำที่ท่านออกแบบได้เอง

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการเดินทางฉบับนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นคู่มือที่มีประโยชน์สำหรับท่านในการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของอีสานเมืองรองด้วยตัวเอง ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ เก็บเกี่ยวความสุข และสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษกลับมาจากการเดินทางในครั้งนี้

เรื่องโดย

  • บรรณาธิการ และนักเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม ศิลปะวัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ของผู้คนรอบตัว ในยุคปัจจุบัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *